Image from clipartfox.com

วันหนึ่งหลังจากที่ผมว่างงานในที่ทำงาน และรู้สึกง่วงนอนมาก ก็มีคำว่า “Mindset” แว็บเข้ามาในหูเลยหันตามเสียงไปจึงรู้ว่ามาจากที่ประชุมของผู้ใหญ่ในองค์กร  ก็เลยนั่งค้นหาคำตอบ ซึ่งพอไปอ่านเจอหลายๆบทความแบบทำให้สับสนและไม่ชัดเจนต่อความหมาย รวมถึงวัตถุประสงค์ที่คนเขียนต้องการจะสื่อออกมา จึงต้องเริ่มเปิด Dictionary ขึ้นมาดูว่า “Mindset” จริงๆ แล้วมันแปลว่าอะไรกันแน่

เมื่อเปิด Dictionary ก็ได้คำแปลของ “Mindset” ว่า “ความเชื่อที่ส่งผลต่อพฤติกรรม” มีคำเหมือนก็คือ Attitude และ Belief ความหมายนี้ก็ถือว่าสร้างความเข้าใจแบบเร็วๆ ได้ดีพอสมควรและได้หาข้อมูลเพิ่มข้อสรุปดังนี้

เริ่มจากคำว่า “Mindset” นั้น ได้เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับตัวเรา เป็น Individual (ลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละคน) ที่เกิดมาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาตลอดทั้งชีวิตของเรา ซึ่งจะส่งผลให้เราตัดสินใจและพฤติกรรมต่อเรื่องต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละคน เช่น ถ้าคนเคยโดนหมากัดตอนเด็กๆ โตมาอาจมี Mindset ที่กลัวหมา กับอีกคนที่ตอนเด็กๆ ที่บ้านรักหมามาก โตมากับหมาน่ารักๆ เต็มบ้าน สองคนนี้เวลาเจอหมาก็จะมี Mindset ที่แตกต่างกัน เป็นต้น

สังเกตว่า Mindset นี่จะเป็นเรื่องในระดับความคิด ที่จะส่งผลให้เรามีพฤติกรรมเป็นแบบโน้นแบบนี้ และเราจะไม่รู้ตัวเนื่องจากว่ามันอยู่ในจิตใต้สำนึก (จิตส่วนนี้เราควบคุมไม่ได้ ไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ แต่ว่าทรงอิทธิพลมาก) เช่น ถ้าคุณมี Mindset ว่าคุณเป็นผู้หญิง แต่จริงๆ แล้วคุณเป็นผู้ชาย จะเกิดอะไรขึ้น คุณก็จะเบี่ยงเบนทางเพศ ซึ่งในกรณีนี้ชีวิตของคุณจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นี่แหละครับอิทธิพลของ Mindset เขาก็เลยบอกกันไงว่าถ้าปรับ Mindset ได้ชีวิตก็เปลี่ยน เราจะเก่งขึ้นได้ ร่ำรวยขึ้นได้ ประสบความสำเร็จได้ มีความสุขได้ ฯลฯ

It is your mind that creates this world.” Buddha
คำที่คล้ายๆ กันที่มีมาให้ใน Dictionary เช่น Belief คำนี่น่าจะมีน้ำหนักน้อยกว่า เช่น เราเชื่อในข่าว หรือเชื่อในเรื่องที่บอกเล่ากันต่อๆ มา ทำนองนี้ มันจะไม่หนักแน่นเท่า และเปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่ามากๆ

แต่ว่ามันจะมีคำที่เกี่ยวข้องกันจริงๆ ที่ใช้กันอยู่เยอะและทำให้สับสนอีก 2 คำ ก็คือคำว่า “Perspective” ที่แปลว่ามุมมอง (ใกล้กับคำว่าทัศนคติ Attitude) และคำว่า “Paradigm” ที่แปลกันว่า “กระบวนทัศน์” ตัวแรกไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ เพราะเจอใช้กันในข่าวภาษาอังกฤษอยู่บ่อยๆ

ทีนี้ตัวที่สอง เราจะไม่ค่อยพบการใช้ก็คือคำว่า “Paradigm” ผมขอให้ความหมายง่ายๆ ว่าเป็นกรอบหรือ Framework ของคนเราต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น เรื่องของฟิสิกส์ ถ้าเรามีความเชื่อตามทฤษฏีที่เราได้เรียนมา เวลาเราจะทำอะไร หรือมองอะไร เราก็จะนึกถึงกรอบทฤษฏีทางฟิสิกส์เสมอ อย่างมองลูกบอลกลิ้งลงจากเนิน เราก็จะคิดว่าเพราะมันกลมและกลิ้งลงตามความลาดเอียง เป็นต้น

Image from dreamstime.com

     ตัวอย่างเรื่อง Paradigm นี้มีเรื่องสนุกที่เล่าต่อกันมาว่า “ไอน์สไตน์ได้บรรยายเรื่อง Paradigm Shift โดยถามนักศึกษาว่า มีช่างซ่อมหลังคาสองคนปีนจากปล่องควันลงมา คนหนึ่งตัวเปื้อนเขม่าหมด อีกคนไม่เปื้อนเลย เพราะอะไร? ซึ่งไม่มีใครตอบถูก แล้วเขาก็เฉลยว่า เพราะคำถามผิด! เพื่อเป็นการแสดงตัวอย่างของการคิดอะไรใหม่ๆ ที่หลุดจากกรอบเดิมว่ายากแค่ไหน”  (ขอเล่าสั้นๆ นะครับ และถ้ารายละเอียดของเรื่องผิด ก็ต้องขออภัยด้วยครับ)

ทีนี้เรามาสรุปกันอีกที ว่าทั้ง 3 คำ มันจัดเรียงตัวอยู่กันแบบนี้ครับ เริ่มจาก “Mindset” จะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมซึ่งจะอยู่ในสมองส่วนลึกๆ ของเรา เมื่อมีเรื่องอะไรซักเรื่องหนึ่ง ผ่านเข้ามา เราก็จะมองโดยใช้มุมมอง หรือ “Perspective” ของเรา และเราก็จะทำความเข้าใจกับสิ่งนั้นๆ ตาม “Paradigm” ที่เรามี แต่ก็จะตอบสนองพฤติกรรมตาม Mindset อีกที ประมาณนี้ครับ (ผิดถูกไม่แน่ใจ หาอ้างอิงไม่ทันครับ)

     มาถึงเรื่องที่สำคัญกัน ก็คือมีผู้รู้เขาบอกและผมก็เชื่อว่า Mindset ของเรานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาได้ คุณจะเป็น Winners หรือ Losers ก็ได้ ขึ้นอยู่กับ Mindset ของคุณ

โดยวิธีการง่ายๆ ในการปรับ Mindset นั้น ผมคิดเอาเร็วๆ เราก็น่าจะใช้กรอบทฤษฏีพฤติกรรมนิยมมาเป็นแนวทาง คือการใช้สภาพแวดล้อมมาเป็นตัวช่วย เช่น การจัดบ้าน จัดที่ทำงาน การจัดตารางเวลาใหม่ การอ่านหนังสือ การคบเพื่อน การเข้าสังคม ฯลฯ สรุปคือปรับปรุงสภาพแวดล้อมของเราให้เอื้อต่อสิ่งที่เราอยากจะเป็น ก็เหมือนแอบหลอกตัวเองหรือสะกดจิตตัวเอง ให้คิดว่าเราเป็นแบบนั้นแบบนี้อย่างที่เราต้องการจะเป็น

การปรับพฤติกรรมหรือการปรับความคิดนั้น ขั้นแรกเราจะเกิดสภาวะชั่วคราวขึ้นมา (จริงๆ อันนี้ง่าย บางทีแค่คำเพียงหนึ่งประโยคก็ช่วยให้เราปรับความคิดของเราได้แล้ว) และเมื่อเราเริ่มทำพฤติกรรมต่างๆ แล้วมันส่งผลลัพธ์ที่เราพอใจให้ เราก็จะเกิดแรงจูงใจให้ทำอีก พอทำอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นสภาวะถาวรขึ้นมา (Habit) เทคนิคก็คือให้เริ่มจากเรื่องที่ง่ายมากๆ

     การปรับ Mindset นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยาก ลองคิดดูว่าจิตแพทย์เขายังแก้ไขพฤติกรรมของคนป่วยที่จิตไม่ปกติได้เลย ทำไมจะไม่มีวิธีที่จะทำให้คนปกติหนึ่งคน เปลี่ยนความคิดจนเป็นคนที่ทำอะไรก็สำเร็จไปทั้งหมดไม่ได้ละครับ!

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก

http://kindlestartup.com

 


0 Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *